
กลยุทธ์ของเราคือสเปคตรัม C5
สเปคตรัส C เป็นการเปรียบเทียบความเหมือนและต่างของกลุ่มผู้เชื่อมุสลิม โดยจอห์น เจ ทราวิส (นามแฝง) เป็นคนที่ทำงานกับมุสลิม 22 ปี และเขามีส่วนในการก่อตั้งคริสตจักรแบบปรับให้เข้ากับคนมุสลิมได้เป็นอย่างดี โดยเขาเขียนหนังสือและบทความต่างๆร่วมกับภรรยาของเขารวมทั้งได้สอนและฝึกอบรมเรื่องการปรับให้เข้ากับบริบท หรือเราใช้บ่อยๆ คือ Contextualization
สเปคตรัม C5
C5 ชุมชนชาวมุสลิมที่ติดตามพระเยซู แต่ยังคงวัฒนธรรมและทางมุสลิม ผู้เชื่อ C5 ทั้งทางกฎหมายและสังคมยังอยู่ภายในชุมชนอิสลาม พวกเขามีบางอย่างที่คล้ายคลึงกันกับกระแสของยิวแห่งพระเมสสิยาห์ สเปคตรัมต่างๆของศาสนาอิสลามที่ไม่สอดคล้องกับพระคัมภีร์จะถูกปฏิเสธ หรือนำมาตีความหมายใหม่ถ้าเป็นไปได้ การมีส่วนร่วมในการนมัสการแบบอิสลามมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละแห่งหรือแต่ละคน ผู้เชื่อ C5 ร่วมชุมนุมกันเป็นประจำกับผู้เชื่อ C5อื่นๆ และแบ่งปันความเชื่อของพวกเขากับชาวมุสลิมที่ยังไม่พบความรอด ในสายตาของชาวมุสลิม ผู้เชื่อ C5 เป็นมุสลิมที่มีศาสนศาสตร์เพี้ยน และในที่สุดอาจถูกขับไล่ออกจากชุมชนชาวอิสลามได้ ชุมชนมิสลิมดูผู้เชื่อ C5 ว่าเป็นมุสลิม และพวกเขาเองก็คิดว่าตัวเองเป็นมุสลิมที่ติดตามนบี อีซา มะซีห์
สเปคตรัม C1-C2
C1 คริสตจักรดั้งเดิมที่ใช้ภาษาแตกต่างจากภาษาประจำวันของชุมชนมุสลิมโดยรอบ
อาจเป็นนิกาย ออร์โธด็อกซ์ คาทอลิกหรือโปรเตสแตนต์บางกลุ่มอยู่ในพื้นที่ก่อนมีศาสนาอิสลาม มีชุมชนแบบ C1 นับพันๆแห่งในดินแดนมุสลิมวันนี้ หลายชุมชนสะท้อนถึงวัฒนธรรมตะวันตก โดยทั่วไปมักจะมีช่องว่างวัฒนธรรมขนาดใหญ่ระหว่างคริสตจักรและชุมชนมุสลิมโดยรอบ อาจมีผู้เชื่อบางคนที่มีเบื้องหลังเป็นมิสลิมในคริสตจักรแบบ C1 นี้และผู้เชื่อกลุ่มนี้ก็เรียกตัวเองว่า "คริสเตียน"
C2 คริสตจักรดั้งเดิมที่ใช้ภาษาประจำวันของชุมชนมุสลิมโดยรอบ กลุ่มนี้เป็นเหมือนกับ C1 เกือบทุกประการยกเว้นการใช้ภาษา แม้มีการใช้ภาษาพูดในชีวิตประจำวัน แต่คำศัพท์ทางศาสนาไม่ใช่ศัพท์อิสลาม (เป็นศัพท์เฉพาะของ "คริสเตียน") ช่องว่างทางวัฒนธรรมระหว่างชาวมุสลิมและ C2 ยังกว้างอยู่ เราสามารถพบผู้เชื่อที่มีเบื้องหลังเป็นมุสลิมใน C2 มากกว่าใน C1 ส่วนใหญ่ของคริสตจักรที่อยู่ท่ามกลางโลกของชาวมุสลิมทุกวันนี้เป็นแบบ C1หรือC2และผู้เชื่อในC2เรียกตัวเองว่า "คริสเตียน"เหมือนกัน
สเปคตรัม C3-C4
C3 ชุมชนที่ปรับให้เข้ากับบริบท ใช้ภาษาประจำวันของชุมชนมุสลิมโดยรอบและรูปแบบวัฒนธรรมท้องถิ่นบางอย่างที่ไม่ใช่ของมุสลิม รูปแบบที่เป็นกลางทางศาสนาอาจรวมถึงดนตรีพื้นเมือง เครื่องแต่งกายชนเผ่า งานศิลปะ ฯลฯ องค์ประกอบของอิสลาม (ที่ปรากฎ) จะถูก "กรองออก" เพื่อใช้รูปแบบของ "วัฒนธรรม" ล้วนๆ จุดมุ่งหมายคือการลดความเป็นของต่างชาติในข่าวประเสริฐและคริสตจักร โดยปรับรูปแบบต่างๆให้เข้ากับบริบทรูปแบบทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นในส่วนที่ไม่แย้งกับพระคัมภีร์ พวกเขาอาจรวมตัวกันในอาคารคริสตจักรหรือสถานที่ที่เป็นกลาง ชุมชนคริสเตียน C3 ประกอบด้วยผู้เชื่อที่ส่วนใหญ่มีเบื้องหลังเป็นชาวมุสลิมมาก่อน พวกเขาเรียกตัวเองว่า "คริสเตียน"
C4 ชุมชนที่ปรับให้เข้ากับบริบทใช้ภาษาประจำวันของชุมชนมุสลิมโดยรอบและรูปแบบสังคม วัฒนธรรมของมุสลิมที่ไม่แย้งกับพระคัมภีร์ ชุมชนกลุ่มนี้มีความคล้ายคลึงกับ C3 อย่างไรก็ตามพวกเขายอมรับรูปแบบและแนวปฏิบัติแบบศาสนาอิสลามที่สอดคล้องกับพระคัมภีร์ (เช่น อธิษฐานด้วยยกมืด การถืออด หลีกเลี่ยงรับประทานเนื้อหมู เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่นำสุนัขมาเป็นสัตว์เลี้ยง ใช้ศัพท์ศาสนาอิสลาม การแต่งตัวฯลฯ) พวกเขาหลีกเลี่ยงรูปแบบต่างชาติ ไม่ประชุมกันในอาคารคริสตจักรชุมชน C4 ประกอบด้วยผู้เชื่อเกือบทั้งหมดที่มีเบื้องหลังเป็นมุสลิม ในสายตาของชุมชนชาวมุสลิมผู้เชื่อ C4 คือคริสเตียนผู้เชื่อ C4 เรียกตัวเองว่าเป็น "ผู้ติดตามนาบี อีซา มาซีห์" (หรือบางอย่างทำนองนี้)
สเปคตรัม C6
C6 ชาวมุสลิมผู้ติดตามพระเยซูใต้ดิน อย่างลับๆ อาจมีชุมชนเล็กน้อยหรือไม่มีเลย เช่นเดียวกับคริสเตียนที่ได้รับความทุกข์ทรมานภายใต้ระบบเผด็จการ เนื่องจากความกลัว ความโดดเดี่ยวหรือภัยคุกคามของรัฐ/ชุมชน (รวมถึงการถูกประหารชีวิต) ผู้เชื่อ C6 นมัสการพระคริสต์อย่างลับๆ (อาจนมัสการตามลำพังหรืออาจนมัสการในกลุ่มขนาดเล็กที่จัดขึ้นนานๆครั้ง) หลายคนมาถึงพระคริสต์ผ่านความฝัน นิมิต การอัศจรรย์ วิทยุกระจายเสียง ใบปลิว หรือได้รับคำพยานจากคริสเตียนขณะที่อยู่ต่างประเทศหรืออ่านพระคัมภีร์ด้วยตัวเอง ผู้เชื่อ C6 ตรงข้ามกับ C5 มักจะเงียบเกี่ยวกับความเชื่อของพวกเขา คริสเตียน C6 ไม่ใช่สภาพที่เหมาะสมเพราะพระเจ้าต้องการให้ประชากรของพระองค์เป็นพยาน และมีสามัคคีธรรมอย่างปกติ (ฮีบรู10:25) กระนั้นผ้เชื่อC6ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของเราในพระคริสต์แม้ว่าพระเจ้าอาจเรียกบางคนให้รับความทุกข์ทรมาน ถูกจองจำ หรืออาจ้องพลีชีพเพราะความเชื่อ พระองค์อาจพอพระทัยที่มีบางคนนมัสการพระองค์อย่างลับๆ อย่างน้อยก็สักระยะเวลาหนึ่ง ผู้เชื่อC6 ถูกมองว่าเป็นมุสลิมในสายตาของชุมชนมุสลิม และตัวเองก็ถือว่าตนเองเป็นมุสลิม
ปัญหา & วิธีแก้แบบพระเจ้า
อุปสรรคในการทำงานระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์จะหมดไปเมื่อคนทำตามวิธีของพระเจ้าเสมอ เหมือนกำแพงเยรีโค มันดูแล้วก็เกินกำลังมนุษย์ แต่ขณะที่พวกเขามองดูกำแพงเยรีโค พวกเขาคิดถึงในอดีตที่พระเจ้าได้พาบรรพบุรุษเขาข้ามทะเลแดงมาและน้ำก็ตั้งสูงเหมือนกำแพงเหล่านี้เลยพวกเขาอาจจะมีความสงสัยแต่สงสัยว่าพระเจ้าจะทำวิธีไหนนะ แบบไหนนะ พวกเขาไม่ได้คิดถึงความหนาความแข็งแรงของกำแพงนั้น พวกเขาแค่สงสัยว่าพระเจ้าจะทำอะไรกับกำแพงกะจิดริดนี้

ฝึกอบรมคนในคริสตจักร
เพราะพันธกิจเดียว แต่เราทำหลายที่และมีคริสตจักรที่มีสมาชิกร้อนรนด้วย เราจึงให้พี่น้องที่มีใจกระตือรือร้นเป็นพยาน พูดเก่ง ชอบประกาศ ไม่อาย ซึ่งเยอะมาก มาประชุมกันเป็นประจำ เราจะช่วยให้แนวทางและฝึกเขาให้มั่นใจในสิทธิอำนาจของพระเจ้ามากกว่าพึ่งพาบุคลิกความสามารถของตัวเอง
เพราะมีบางคนพูดเก่ง จำข้อพระคัมภีร์เก่ง และมีคนที่พูดน้อย ไม่ค่อยชัดเจน จำพระคัมภีร์ไม่ได้เลย แต่สิ่งที่เหมือนกันคือมีประสบการณ์กับพระเจ้าร้อนรนอยากเห็นคนอื่นรอดเหมือนกัน เราจึงให้เขารู้ว่าพระเจ้าใช้ทุกคน ใช้คนที่แตกต่างกัน ตามสายสัมพันธ์ของเรา เราไม่ได้ทำหน้าที่แทนใคร เราทำแบบของเรา สไตล์ของเรา ไม่ต้องพูดเก่งเหมือนคุณนกทุกคน การเป็นพยานเป็นเรื่องทักษะ ต้องรู้วิธีเข้า ไม่ใช่อยู่ๆอยากพูดก็พูด บางทีเป็นเพื่อน เป็นญาติ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะฟังทุกอย่างที่เราพูด ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้ถูกพูดอย่างถูกที่ ถูกเวลา
ดังนั้นมีรายละเอียดบางอย่างที่พวกเขาจำเป็นต้องรู้ก่อนจะออกไปทำจริง เราฝึกอบรมพี่น้องเหล่านี้ทุกสัปดาห์ โดยแบ่งเป็นสองกลุ่ม เพราะทุกคนเวลาไม่ตรงกัน เราจึงมีช่วงเวลาให้พวกเขาเลือกเพื่อเขาจะไม่พลาดรายละเอียดทุกอย่าง

เหล็กลับเหล็ก
ขณะเดียวกันเราจำเป็นต้องแบ่งปันความล้มเหลวและความสำเร็จ จากเพื่อนๆในสายงานที่ทำงานลักษณะเดียวกัน บางคนอาจเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับวิธีการของเรา แต่ทุกคนสามารถเรียนรู้จากกันและกันได้
สิ่งสำคัญของการเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยจากคนอื่น ไม่ได้เป็นจุดชี้ว่าสิ่งที่เราทำถูกต้องหรือไม่ เพราะสำหรับพระเจ้าแล้วพระองค์ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะมีใครกะเกณฑ์ได้ว่าพระองค์ถูกหรือผิด เหมือนพระเยซูรักษาโรควันสะบาโต ผู้คนบอกว่าผิดกฎของศาสนาแต่พระเยซูสร้างกฎแห่งความรักไว้เหนือทุกสิ่ง เพราะความรักชนะทุกกฎ ดังนั้นหากสิ่งใดที่เราทำและเราเห็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ แม้สิ่งเหล่านั้นจะอยู่นอกกรอบ อย่าลืมว่าพระเจ้าไม่มีกรอบ คนที่ตีกรอบไว้ เพื่อให้เราอยู่ในการควบคุมได้ง่าย แต่พระเจ้าไม่ต้องการควบคุมใคร แต่พระองค์ต้องการครอบครอง ดังนั้น การประชุมกับกลุ่มเพื่อนที่ทำงานในลักษณะเดียวกันนี้ เกิดขึ้นบ่อยๆ กับหลายๆกลุ่ม เพื่อเราจะรับสิ่งใหม่ๆเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเรา

การอบรมนอกคริสตจักร
อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง (ในตอนนั้น) ที่เราจัดอบรมแก่สมาชิกภายนอกคริสตจักร ด้วยเหตุผลคือให้ทุกคนได้รับพระพร ได้พักผ่อน และมีใจจดจ่อเฉพาะเนื้อหาที่ลึกกว่าที่เรียนไปในคริสตจักรโดยเน้นการปฏิบัติควบคู่ทุกๆการสอน เพราะสิ่งใดที่สอนแล้วนำไปใช้ไม่ได้สำหรับเราถือว่าสิ่งนั้นไม่มีประโยชน์แก่การทำพันธกิจ ที่เจาะจงของเรา
การอบรมนอกคริสตจักรทำให้เกิดประสิทธิภาพตรงที่ทุกคนจะอยู่ด้วยกันมากกว่า นานกว่า ทำให้มีความสนิทสนมกันมาก มีการจับคู่กันไปทำพันธกิจได้อย่างลงตัวมากขึ้น สลับคู่กันได้อย่างลงตัว ทุกคนจะรู้ว่าใครเหมาะกับเรา ใครเหมาะกับงานนี้
หลังการอบรม 50% ที่ปฏิบัติจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้ว จะว่าเราลงทุนก็ไม่เชิงเพราะเราไม่ได้จ่ายอะไร พระเจ้าเป็นผู้จัดเตรียมที่ดีเลิศ เราจึงมีคนงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราทำสิ่งเหล่านี้เรื่อยๆ แม้จะปริมาณน้อยแต่พอรวมกันแต่ละรุ่นก็กลายเป็นเยอะเหมือนกัน คนเหล่านี้จะเป็นคนออกไปเยี่ยมเยียนพี่น้องสมาชิกคริสตจักรแทนเรา เพราะเรามอบหมายงานด้านเยี่ยมเยียนประกาศนี้ให้กับคนเหล่านี้ ส่วนเราก็ออกไปทำนอกพื้นที่จังหวัดปทุมธานีหรือใกล้เคียง

เยี่ยมเยียนบุคคลพิเศษ
เมื่อเราสร้างสาวกไปนานๆจะพบบุคคลพิเศษเรื่อยๆก็คือบุคคลที่มีเรื่องตื่นเต้นที่เราต้องตามไปอัดวีโอเก็บไว้ เป็นเรื่องที่พระคัมภีร์บอกว่าแม้จะบันทึกทั้งหมดที่พระเยซูทำก็ไม่มีจะจะบันทึก คือถ้าเขามีกล้องและมีเมมโมรี่การ์ดสัก64กิ๊กหลายๆอันสมัยนั้นเขาอาจจะไม่พูดคำนี้ก็ได้
บุคคลพิเศษอยู่ไกลๆกันทั้งนั้น แต่เราจะจัดเวลาที่เราสามารถเดินทางไปและค้างคืนได้อย่างน้อยสามวันเป็นอย่างต่ำ และเราเห็นว่าคนที่มีพระเยซูอยู่ในชีวิต สิ่งที่พระวิญญาณทำงานกับเขามันชัดเจนกว่าที่คิด อย่างยายแจ๋วคนนี้ก็ถามว่า "ฉันเอาข้าวที่จะตักบาตรไปให้คนจนแถวนี้แทนจะผิดไหม" จากคำถามไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลยไม่รู้จะตอบยังไงก็ถามยายกลับว่า "มันยังไงยาย เล่าแบบละเอียดๆนิดนึงซิจ๊ะ" ยายก็บอกว่ากำลังรอพระมาตอนเช้าจะตักบาตร ระหว่างนั้นก็มีเสียงมาเหมือนคนพูดเลยบอกว่าเอาข้าวนี่ไปให้คนจนที่อยู่เลยไปหน่อยนี่ดีกว่า" ฉันก็ไปหาเขาเลย เอาข้าวไปให้เขาดีใจใหญ่ แล้วฉันก็ไม่รู้นึกยังไงนะ ทำขนมจีนน้ำยาหมอใหญ่เลย แล้วให้ลูกๆช่วยกันตัดใส่ถุงไปแจกคนในหมู่บ้านเนี่ยทุกหลังเลย แบบนี้ "ผิดไหม"
อืมมมม....คือ ป้าคะ ไม่ผิดหรอกค่ะ เฮ้อ...คนเราอยู่ในศาสนามานาน ทำอะไรกลัวผิดไปหมด ขนาดทำดีขนาดนี้ยังจะผิดอีกเหรอคิดในใจนะอันนี้ ก็สรุปว่าพระวิญญาณก็มีวิธีแนะนำหรือสอนคนที่ไม่ได้เข้ากลุ่ม ไม่มีกลุ่ม คืออยู่กลางดงพงป่าให้ไปอีกสิบครั้งก็จำทางไม่ได้ ยกเว้นคุณสามีคนเดียวเท่านั้น ...

ลำปาง
ในเวลานั้นเราทำงานร่วมกับคริสตจักรท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ทำให้เกิดกลุ่มประชุมผู้เชื่อใน 3 หมู่บ้าน วันหนึ่งเราได้รับโทรศัพท์จากศิษยาภิบาลว่ามีเรื่องตื่นเต้นจะเล่าให้ฟัง คือเรื่องของ
ป้าเหลี่ยมซึ่งมีหลาน2คน น้องสตังค์ 5ขวบ และน้องออมสิน 12 ขวบ เป็นเณร ครั้งก่อนนกไปเยี่ยมยายเหลี่ยมและน้องสตังค์ที่บ้าน ยายเชื่อพระเยซูแล้ว แต่วันที่เราไปยายอยากให้อธิษฐานให้หลานชายน้องสตังค์รับพระเยซูเพราะเป็นโรคท่อปัสสาวะต่อผ่าตัดมาแล้วแต่ยังยืนปัสสาวะเหมือนเด็กชายปกติไม่ได้ ก็คิดว่าเป็นโรคเวรโรคกรรม
เด็กไม่ได้สนใจฟังอะไรเพราะดูดีทีขณะที่เราคุยกัน พอเราเข้าใจยายแล้วก็ได้ให้น้องสตางค์อธิษฐานตามเราและได้ใช้นำพรมให้น้องในนามพระบิดา พระบุตร พระวิญญาณบริสุทธิ์ ในวันนั้นเป็นวันพุธที่ 23 พฤศจิกายน จากนั้นวันศุกร์น้องก็ยืนปัสสาวะเป็นปกติได้ ยายเหลี่ยมตื่นเต้นมากอยากให้หลานชายที่เป็นเณรอยู่รับบัพติศมาด้วยเหมือนกัน เพราะเณรออมสินเป็นทาลัสซีเมีย เหนื่อยง่ายเดินตักบาตรไม่ค่อยไหว คุณพ่อของภรรยาศิษยาภิบาลซึ่งเป็นผู้เชื่อที่เราฝึกฝนเขาไว้เรียบร้อยแล้ว เขาสามารถออกไปทำเรื่องนี้ได้ เพียงแต่ว่ากรณีนี้เป็นเรื่องยากสำหรับเขานิดหน่อยด้วยกฎที่ว่าเขาถือศีล๕ แต่เณรถือศีล๑๐ ตามกฎทางศาสนาพุทธนั้นคนถือศีลน้อยกว่าจะทำพิธีกรรมใดๆให้กับผู้ถือศีลมากกว่าไม่ได้ เราจึงได้อธิบายว่า ในพระเยซูคริสต์นั้นเขามีอำนาจอยู่เหนือกฎเหล่านั้นด้วย จากนั้นคุณพ่อก็ออกไปทำบัพติศมาในน้ำให้เณร จากนั้นนกได้ไปเยี่ยมโดยการถวายเพลที่วัด และได้มีโอกาศพูดคุยกับเณร ขณะที่เณรพาเดินดูรอบๆวัด นกสอนเรื่องการอธิษฐานและเณรเล่าว่าเณรอธิษฐานก่อนนอนทุกวัน ตอนนี้มีแรงเดินไปตักบาตร ไม่เหนื่อยเหมือนเมื่อก่อนเลย เณรได้ขอพระคัมภีร์ไว้อ่านส่วนตัวด้วย เราได้มอบหมายเรื่องนี้ให้ผู้นำท้องถิ่นทำต่อไป

ขอนแก่น
ลุงที่หายมะเร็งกับป้าหมอนวดที่สุพรรณมีญาติอยู่ขอนแก่น ภาระกิจนี้จึงเริ่มต้นด้วยการพาพี่สำรวยซึ่งเป็นสมาชิกที่คริสตจักรปทุมธานีเป็นคนร้อยเอ็ดมาด้วย พร้อมกับลุงจากสุพรรณและผู้ติดตามหนุ่มสุพรรณอีกหนึ่งคน เรามาที่ขอนแก่นตรงนี้ ทุกๆเดือน ในหมู่บ้านนี้มีแค่ 24 หลังคาเรือนเท่านั้น และตอนนี้ คนในหมู่บ้านนี้ก็ได้ยินได้ฟังข่าวประเสริฐกันหมดแล้ว เรามีผู้เชื่อตอนนั้นอยู่ที่ 15 คน ถ้าสังเกตในรูปนกจะนั่งบนห้างนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างมากจริงๆแล้วเราพบว่าการนั่งในระดับเดียวกันจะดีกว่าเสมอ ใกล้ชิด เป็นกันเอง และไม่มีชั้นวรรณะ พอดีมันั่งสบายเราขายาวเวลานั่งกับพื้นมันไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ แต่เมื่อกลับมาดูรูปแล้วก็คิดว่า จะไม่ทำแบบนี้อีก
พี่น้องทั้งหมู่บ้านเกือบทั้งหมดทำผาไหมตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่าตายายมาแล้ว มีนาบ้าง และปัญหาส่วนใหญ่เป็นปัญหาสุขภาพ และการเงินมีหนี้สินเยอะ แต่หลังจากเราไปบ่อยขึ้น คำพยานก็เยอะขึ้น โรคที่ป่วยกันมานานรักษาไม่หายก็ดีขึ้น บอกแล้วคนไทยมีความเชื่อแค่สอนให้อธิษฐานแค่นั้นเอง ทิ้งไว้เดือนหนึ่งแล้วเจอกันอีก ตอนกลับมาเจอกันต้องรอหนึ่งชั่วโมงอย่างน้อยกว่าจะพูดกันจบครบถ้วนทุกคน เพราะเรื่องแต่ละคนมันก็มีรายละเอียดที่สนุกสนานเฮฮาประกอบไปด้วย บางคนขับตุ๊กตุ๊กในตลาดก็ขอลูกค้าให้ได้ยอดเท่านั้นเท่านี้ก็ได้ตามนั้นทุกวัน คนขายรองเท้าตลาดนัดก็ไม่เคยขายดิบขายดีอย่างนี้มาก่อน พระเจ้านี่ดีจริงๆแบบนี้ต้องบอกต่อ เขาบอกมาอีกที เราไปก็หายเหนื่อย ชื่นใจทุกครั้งที่ได้ยินแบบนี้
สิ่งที่ทำให้เรามีแรงมีกำลังทำงานไม่หยุดหย่อนก็เป็นสิ่งที่พวกเขาเล่าให้ฟังนั่นแหละ มันเป็นเรื่องที่เราตัวเองว่าเราไม่เชื่อขนาดนั้น เราไม่ได้ขนาดนั้น เราสอนเฉยๆ ถ้าเป็นเราเราคงไม่จริงจังขนาดนั้น บางทีความจริงจังของพวกเขาทำให้การประยุกต์ใช้เป็นเรื่องขำสำหรับเรา แต่มันได้ผลจริง นี่คือคนไทย...
ลูกแห่งสันติสุข & บ้านแห่งสันติสุข
"ถ้าลูกแห่งสันติสุขอยู่ที่นั่น สันติสุขของท่านจะอยู่กับเขา" ลูกา 10:6

ฝึกผู้เชื่อในการเป็นพยาน นำข่าวประเสริฐ
คุณแอน คุณรัตน์ไม่ใช่คนที่จะไปถึงแล้วนำกลุ่ม 2 ชั่วโมงแล้วกลับบ้าน แต่คุณแอน คุณรัตน์เป็นคนที่มีความคล่องแคล่ว เชี่ยวชาญ อย่างเป็นธรรมชาติในการทำให้ผู้เชื่อเป็นพยานและนำความรอดได้อย่างง่ายดาย
คุณลุงที่หายจากมะเร็งในเวลานั้น ได้ออกประกาศเป็นพยาน และคุณป้าที่เป็นหมอนวดก็ไปประกาศเป็นพยานเรื่องนี้นับร้อยหลังคาเรือนในปีนั้น และปากปากต่อปาก ผู้คนได้รับความรอดและอธิษฐานเองเผื่อไร่นา ลูกหลาน รายได้ของพวกเขา สุขภาพของพวกเขา และทุกคนได้รับผลตอบรับจากพระเจ้าอย่างอัศจรรย์ เรื่องนี้ทุกคนยอมรับได้ง่าย เพราะลุงและป้าเป็นมัคฑายกวัดมาก่อน
ปัจจุบันคุณลุงได้ไปอยู่กับพระเจ้าอย่างสงบแล้ว แต่การงานและคำพยานของลุงยังอยู่ในใจของทุกคนจนถึงทุกวันนี้

คนไทยเกิดมาพร้อมความเชื่อ
ขณะที่คุณแอนกำลังพูดคุยใต้ถุนบ้านของผู้เชื่อคนหนึ่ง ก็มีผู้หญิงที่อยู่บ้านใกล้กันเดินมาขอรับพระเยซูด้วยเหตุผลที่กลัวสามีจะฆ่า
เพราะกำลังทะเลาะกัน สามีเมาตลอดเวลา เขาซื้อโลงศพมาตั้งไว้ในบ้านพร้อมกับประกาศว่าถ้าเจอภรรยาจะฆ่าแล้วใส่โลงศพนั้น เรื่องนี้ทั่วหมู่บ้านรู้และก็ให้ความช่วยเหลือผู้หญิงคนนี้ให้ที่หลบซ่อน
หลังจากที่เธอรับความรอด บัพติศมา แล้วคุณแอนสอนให้อธิษฐาน ภายหลังทราบว่าสามีเลิกเหล้าและเข้ากลุ่มประชุมด้วยกันพร้อมลูกชาย
เรื่องนี้ทำให้นกคิดถึงครั้งหนึ่งที่พระเจ้าพูดด้วย พระองค์บอกว่า "คนไทยนั้นเกิดมาพร้อมกับความเชื่อ คนไทยมีความเชื่ออยู่แล้วหน้าที่ของเจ้าเพียงแต่ย้ายความเชื่อนั้นมาที่เรา" และดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะเป็นความจริง จริงๆด้วย

ปัญหาระดับประเทศแต่เราแก้ไขได้
เราเคยได้ยินสถิติคนไทยอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัดไหม? อย่าไปเชื่อนะ อันนั้นไม่จริง ข้อมูลจากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ บอกว่าคนไทยเฉลี่ยแล้วอ่านหนังสือร้อยละ 77.7 หรือ 48 ล้านคนทั่วประเทศ ผู้ชายจะอ่านหนังสือเฉลี่ย 64 นาที ต่อวัน ผู้หญิง 69 นาที
อย่างไรก็ตามความจริงที่ว่าเราทำงานกับคนในหมู่บ้าน ไม่ใช่ในเมืองซึ่งปัญหาคือ ตาผู้สูงวัยมักมองไม่ชัด ไม่มีแว่นตา บวกอ่านไม่ออก รวมกันแปลว่า ยากละที่จะอ่านพระคัมภีร์ได้
อย่างไรก็ตามเราขอบคุณ MCA คริสตจักรพม่าที่อยู่ในคริสตจักรของเราได้เกื้อกูลอุปถัมภ์ MP4 ที่สามารถนำไปฟังกลางทุ่งนา หรือจะฟังในมุ้งก่อนนอน หรือระหว่างวันได้ยินไปถึงสามบ้านสี่บ้าน ถ้าแบตหมดก็เอาไปตากแดดเอามาใช้ได้อีกถ้าฝนตกแล้วไม่ลืมจะเก็บเข้าบ้านนะ ก็เป็นอุปกรณ์ที่ต้องมีสำหรับการทำงานในลักษณะนี้ และจะบอกว่ามันดีมากเพราะคนไทยชอบฟังมากกว่าอ่าน เพลิน แล้วจำได้เป็นเรื่องเป็นราวมาก รู้หมด ตั้งแต่ปฐมกาลจนวิวรณ์ เป็นสิ่งที่พวกเขาชอบ เราได้ยินชาวบ้านพูดว่าพระเจ้ายังสร้างโลกได้เลย ทำไมเรื่องแค่นี้จะทำไม่ได้ โอโห เห็นแล้วว่าคนไทยมีความเชื่อจริงๆ

คุณนกเริ่มไปด้วย
โดยส่วนตัวแล้วชอบห้องแอร์ ชอบทำงานกับคอมพิวเตอร์ไม่ชอบคุยกับคนเป็นเรื่องเป็นราวความฝันตอนเรียนมหาวิทยาลัยคืออยากเป็นแอร์โฮสเตสแต่สอบไม่ติดก็มีความฝันรองมาคือทำงานอะไรก็ได้แต่ต้องอยู่ในตึกสวยๆ ก็หางานเฉพาะที่ตั้งอยู่ในอาคารสวยๆและแล้วก็ได้เป็นรีเซฟชั่นของดิวตี้ฟรีช๊อฟสมัยนั้นอยู่ตึกเวิร์ลเทรดเซนเตอร์ปัจจุบันคือเซนทรัลเวิร์ล
ไม่ชอบลำบาก ไม่ชอบร้อน แต่มีสิ่งดีอย่างเดียวที่ติดตัวมาคือกินได้ทุกอย่างในโลกใบนี้แล้วก็รู้สึกอร่อยทุกอย่างที่กินด้วย และที่มากับคุณแอนบ้าง เพราะมีบางเรื่องต้องช่วยกันตัดสินใจ เช่นการให้ความช่วยเหลือในการปรับปรุงบ้านที่ไม่มีประตูหน้า ไม่มีฝาบ้าน ให้กับผู้นำท้องถิ่นคนหนึ่ง ในเวลานั้นต้องใช้งบหลายหมื่นก็ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องลงพื้นที่หน่อย
สรุปว่า ถ้าไม่จำเป็นคุณนกจะไม่ค่อยออกไปที่ห่างไกลจากเซเว่นอีเลเว่นด้วยเหตุผลข้างต้น แต่สรุปของสรุปอีกทีหนึ่ง ก็อยู่ที่ว่า ถ้าถึงเวลาพระเจ้าจะใช้ใคร ให้ทำอะไร คนนั้นจะมีกำลังอัศจรรย์ทำสิ่งที่พระเจ้าเรียกให้ทำเสมอ เหมือนโมเสส กิเดโอน เปโต เปโตรดื้อขนาดไหนก็ต้องไปตามที่พระเจ้ากำหนดไว้ ใครจะขัดขืนพระเจ้าได้ ตามนั้นเลย จบปิ๊ง
กำลังของศัตรู & กำลังของพระเจ้า
เราไม่ควรกลัวสิ่งใดเลยเพราะพระเจ้าคือผู้ที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่และสูงสุดแล้วและพระองค์อยู่ในเรา และถ้าพระเจ้าเป็นผู้เปิดก็ไม่มีใครจะมาปิดได้ ทุกอย่างอยู่ในมืองของพระเจ้าและมือของพระเจ้าก็เข้มแข็งกว่ามือของมาร ศัตรูมีกำลังแต่เป็นกำลังที่ไม่สามารถต้านทานพระเจ้าได้ ดังนั้นถ้าเราสังเกตกำลังของศัตรูว่ามีจำกัดและเล็กน้อยแล้ว เราจะรู้จักกำลังที่ไม่จำกัดของพระเจ้าที่อยู่ในเรา เราควรสอน และเน้นย้ำให้ผู้คนเห็นกำลังของพระเจ้าที่อยู่ในตัวเราซึ่งมีมากกว่ากำลังของศัตรูเสมอ ผู้เชื่อควรได้รับการเปิดเผยเรื่องนี้เพื่อเขาจะได้ชัดเจนและเดินด้วยกำลังของพระเจ้า เพราะผู้ที่เชื่อและกล้าหาญคือคนที่เชื่อว่าอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่อยู่กับเขานั้นมีมากกว่าศัตรู

บ้านทางสามแพร่ง
เราเริ่มอยากเช่าบ้านเพราะสามีและลูกอยากมาค้างคืนด้วย และเราอยากมีบริเวณของเราส่วนตัวมากขึ้น และบ้านที่เราผ่านไปมาบ่อยๆหลังนี้สุดท้ายคือบ้านที่ถูกใจเราที่สุดในบรรดาที่เราดูมา ราคาสองหมื่นบาทต่อปี เจ้าของเป็นคุณหมอซึ่งให้การช่วยเหลืออย่างดีในการปรับปรุงบรรไดทางขึ้น เราได้เปลี่ยนห้องน้ำเป็นโถนั่งและติดไฟบนบ้านให้สว่างขึ้น การเข้ามาอยู่ครั้งแรกนกมาคนเดียว และตอนหลังเอามีพรมาด้วย เราไม่รู้ว่าชาวบ้านเขาพูดถึงเราอย่างไรในตอนนั้น แต่หลังๆก็ได้ยินว่าเขาพูดกันว่า "คุณนกเก่ง" เราก็งง ต้องเก่งด้วยเหรอมาอยู่บ้านหลังนี้ ชาวบ้านก็บอกว่า "บ้านหลังนี้ไม่มีใครกล้ามาอยู่หรอก ให้ฟรียังไม่อยู่เลย" เราก็นึกไปว่าสงสัยมีคนเคยผูกคอตายหรือเปล่า? แต่เปล่าหรอก มันเป็นทางสามแพร่งผีผ่านไปผ่านมาตลอดแหละ "คุณนกเก่ง" อืมมมม...ชมหรือจะบอกว่าขนาดผียังกลัวคุณนกเลย มันคงจะความหมายเดียวกัน
แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ตกเย็นเราก็เข้าห้องนอนมีความสุขแอร์เย็นฉ่ำแค่นี้เอง บอกแล้วชีวิตไม่ได้มีอะไรมาก ไม่ได้อยู่ยาก แค่เรื่องมากนิดหน่อย....

โรงเรียนแห่งใหม่
โรงเรียนแห่งใหม่อยู่หลังบ้านนี่เอง บ้านยายสว่าง (เสื้อสีขาว) ยายสว่างเป็นคนที่อายุเยอะสุดท่ามกลางสาวๆแถวนี้ ทุกคนเคารพนับถือยายสว่างเป็นรุ่นพี่ นกได้ที่นี่เป็นเหมือนกศน.ที่ให้ความเข้าใจเรื่องความเชื่อของคนไทยเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและทำให้เรายิ่งชัดเจนขึ้นว่าถูกแล้วที่เขาสำหรับคนไทยแล้วศาสนาไม่ใช่แค่ศาสนาแต่เป็นวัฒนธรรมประเพณีที่ยึดถือกันมานานแม้มาถึงรุ่นปัจจุบันอาจไม่รู้ความหมายของสิ่งที่ทำเหมือนคนรุ่นก่อนๆแต่ยังถือปฏิบัติอย่างเป็นปกติ
ถ้าถามว่า "ทำไมต้องท่องนโมก่อนเวลาจะสวดคาถาอะไรๆ" ก็เขาทำกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ ยายสว่างตอบได้กระจ่างมาก ทำไมไม่บูชาพระองค์อื่นๆมาห้อยคอบ้างเห็นห้อยอยู่แต่แบบเดียว "จะห้อยอันนี้จนวันตายแหละ ผัวให้มา" (สามียายไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว"
นั่นหมายถึงเวลาเขาตั้งนโม เขาไม่ได้รู้ความหมายอะไร เขาตั้งนโมเพราะทำตามกันมาและเป็นอันรู้ว่ากำลังตั้งจิตตั้งใจที่จะสวดบทต่อไปนี้แล้วนะ .... เวลาที่เห็นพระที่ห้อยคอก็คิดถึงความหลังที่สามีเคยอยู่เคียงข้างกันมาเจ็ดสิบกว่าปี เหล่านี้เป็นตัวอย่างถึงที่มาที่ไป

เพื่อนบ้านใหม่
ตั้งแต่เราย้ายมาอยู่เกือบทุกวันเราจะได้รับคำเชิญชวนจากเพื่อนบ้านที่อยู่รอบๆ ไปทานอาหารเย็นด้วยกันกับเขา เราน้ำหนักขึ้นอย่างน้อย 5 กิโลตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ เพราะช่วงเวลากินเพิ่มขึ้นจากเดิม มีคิวทุกวัน บางวันอยู่คนเดียวและขี้เกียจ ก็จะเดินไปขอกินข้าวบ้านยายสว่างที บ้านยายกุลที บ้างลุงที่อยู่ติดกันสองที เรื่องอดตายไม่มี มีแต่อ้วนตาย นี่คิดเองนะ พระเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงหมู ณ ตอนนี้
การวางตัวของเราสำคัญมาก เพราะการไปกินข้าวกับบ้านนี้ ซึ่งอาจจะไม่ถูกกันกับบ้านโน้น และอาจจะพูดถึงคนบ้านนั้นในทางไม่สร้างสรรค์ ในเรื่องนี้ต้องเตือนตัวเองเสมอว่า "พลอยจะไม่ยุ่ง" เพราะพระเจ้าไม่ได้ให้เรามาอยู่เพื่อจะมายุ่งเรื่องแบบนี้ แต่ต้องเข้าใจอารมณ์เวลากินด้วย มันอร่อย มันเพลิน แต่ต้องไม่เพลินจนพูดสมทบหรือเห็นด้วยกับสิ่งที่พวกเขาพูดอันนี้ต้องระวัง
คนจะนับถือเราหรือไม่นับถือเรา มีเรื่องนี้เรื่องเดียว "คำพูด" ถ้าเราผิดคำพูด เราเป็นนกสองหัว เรานินทา จบลงตรงนั้นเลยชีวิตของผู้ประกาศ เพราะเขาหมดความเชื่อถือในใจแล้ว ยากที่จะสอนอะไรให้เขาทำตามเราได้ คงเป็นด้วยเหตุผลนี้ ที่ลูดกา 10 ไม่แนะนำให้เราไปบ้านโน้นบ้านนี้ แต่เพราะคุณนกมีความเพลิดเพลินกับอาหารของแต่ละบ้านมาก มันเหมือนเราไปกินร้านอาหารที่แตกต่างกันไป แม่ครัวทำรสชาติไม่เหมือนกัน ถนัดไม่เหมือนกัน เราก็จะมีความสุขกับการไปกินหลายๆที่มากกว่าที่จะทำตามที่พระคัมภีร์แนะนำ มันก็เป็นซะอย่างนี้แหละ แต่ไม่เป็นไรนะ นกทำได้เรื่องนี้ไม่ยากสำหรับนกเลย ...

กลุ่มประชุมใหม่
จากเดิมเราประชุมที่บ้านลุงกับป้า ซึ่งอยู่หมู่ 9 แต่ส่วนใหญ่พี่น้องเราอยู่หมู่ 7 และบ้านหลังนี้ก็ตอบโจทย์มากพี่น้องส่วนใหญ่เดินทางสะดวก ที่จอดรถจอดสิบล้อได้สิบคันเพราะหน้าบ้านเป็นเนินว่าง สรุปว่าเป็นทางสามแพร่งที่สมบูรณ์แบบว่าอย่างนั้นเถอะ
พี่น้องมาช่วยทำอาหาร และเกือบทุกคนก็หิ้วขนมบ้าง อาหารบ้าง ที่ตัวเองทำเอง มาแบ่งปัน แบ่งกันชิม ชิมไปชิมมาอร่อยหมดทุกอย่าง ก็นอกจากตอนเย็นกินตามบ้านคนอื่นแล้ว บ้านเราก็อุดมสมบูรณ์มากเวลามีประชุม บ่อยครั้งที่กินอิ่มจะคิดว่าน่าจะอิ่มไปได้สักเจ็ดวัน แต่พอเช้ามาก็หิวอีกซะอย่างนั้น
เด็กๆที่นี่ชอบฟังเรื่องพระเจ้ามาก มีคำพยานเสมอ เราเห็นภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในคริสตจักร เพราะเด็กที่คริสตจักรชอบเล่นเกมส์ ไม่ค่อยสนใจฟังเวลาสอน ทั้งๆที่เราก็สอนคล้ายๆกัน เพียงแต่ที่คริสตจักรเรามีรูปภาพ มีโปรเจคเตอร์ แต่ที่นี่ไม่มีอะไรเลย เสียงเพียวๆไมค์ไม่มี รูปไม่มี แต่เด็กๆก็มากันไม่เคยขาด ผู้ใหญ่ที่อ่านไม่ออก ก็ฟัง แล้วตอบได้ด้วย เหมือนเจอคนที่หิวกระหาย ทำให้คนสอนชื่นใจมาก มีการแทรกแซงบ่อยครั้งอันนี้เป็นเรื่องปกติของคนที่นี่ เขาสามารถฟังหลายคนได้พร้อมกันในเวลาเดียว ซึ่งเราเองยังปรับตัวอยู่ และเราไม่เข้าใจเพราะเราฟังสองคนพูดไม่เข้าใจ เราเลยบอกให้พูดทีละคน แต่พอคนหนึ่งพูด คนอื่นๆบางคนจะนึกอะไรสักอย่างออกแล้วหันไปพูดกับอีกคนหนึ่ง เป็นเรื่องปกติของพวกเขา แต่เราจะต้องช่วยให้เขาได้พูดสิ่งเหล่านั้นให้ทุกคนฟังทีละคน เพื่อเราจะได้รู้ว่าเขานึกถึงอะไร เขาคุยเรื่องอะไร เพราะทุกอย่างที่เขาคุยเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ และทำความเข้าใจเสมอ